เป็นหัวข้อข่าวที่ส่งมาจาก The Bookseller เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมว่าจะเขียนถึงก็ผัดมาเรื่อย ทิศทางของการขาย ebook เริ่มชัดเจนมา 4-5 ปีแล้ว เราเริ่มเห็น "ความปกติ" ของสัดส่วนการขายผ่าน format นี้ การเติบโตเป็นไปในทิศทางที่ไม่ได้ก้าวกระโดดเหมือนช่วงเริ่มต้น เริ่มมีส่วนแบ่งของตลาดหนังสือที่คงที ในความปกติของการขาย eBook คือมีการเติบโต และมีการถดถอยด้านการขาย
.
สัก 4 ปีที่แล้วเราเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญของอุตสาหกรรมหนังสือนั่นคือการมียอดจำหน่ายหนังสือเล่มที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นพร้อมกับจำนวนร้านหนังสือที่กลับมาเปิดแม้จะยังไม่ได้เทียบเท่าสมัยรุ่งเรืองก็ตาม ขณะเดียวกันเราเห็นยอดขาย eBook ที่เริ่ม flat เมื่อเทียบกับปีก่อนและค่อยๆลดลง
.
ทิศทางแบบนี้ยังเร็วเกินว่าจะสรุปว่า "อะไรกำลังจะตาย หรืออะไรกำลังจะกลับมา" สองปีที่ต้องอยู่กับโควิดอาจทำให้ภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงเพราะองค์ประกอบหลายอย่างอาจได้ผลกระทบ อาทิ ร้านหนังสือที่ต้องมีปิดตัว การปรับตารางการออกหนังสือ เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการซื้อหนังสือ แต่สิ่งที่ต้องคิดว่าทำไม eBook ถึงมียอดจำหน่ายที่ลดลงทั้งๆที่ควรจะได้เปรียบช่องทางอื่นในระหว่างการ lockdown สิ่งนี้กลับสะท้อนออกมาในทางตรงกันข้ามกับ "ความน่าจะเป็น" คือหนังสือเล่มยังมียอดขายที่เติบโตแต่ ebook กลับมียอดขายที่สวนทาง
.
Nielsen BookData ที่อังกฤษบอกว่าแม้ยอดเฉลี่ยมูลค่าในการซื้อ eBook จะยังสูงกว่าปี 2012, 2013 และ 2019 แต่นั่นเป็นเพราะราคาของ eBook ต่อเล่มเพิ่มขึ้น โดยมีตัวเลข download จำนวน 80 ล้านเล่มในปี 2021 คิดเป็น 13% ของมูลค่าตลาดหนังสือรวม ลดลงจากปี 2020 ที่มีจำนวน dowmload กว่า 95 ล้านเล่ม ในขณะที่หนังสือเล่ม และ Audio Book สร้างสถิติการขายที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2021
.
หมวดหลักที่ยอดขาย ebook จะมีสัดส่วนที่สำคัญคือหมวด Fiction หมวดนี้เดิม ebook มีสัดส่วนการขายอยู่ที่ 50% ของตลาดรวม แต่ลดลงมาเป็น 43% ซึ่งเป็นการลดลงของทั้งหมวด Fiction (ใน 43% eBook มีสัดส่วน 63% ในหมวด Erotic Fiction, 59% Romance) ส่วนหมวด Non-Fiction และ Children นั้น eBook มีสัดส่วนอยู่ที่ 12% และ 3% ตามลำดับ
.
สิ่งที่สำคัญกว่าคือ 80 ล้านเล่ม หรือ 13% ในสัดส่วนตลาดรวม เพราะ eBook ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมไปแล้ว ถือเป็นรายได้ของสำนักพิมพ์และนักเขียนที่มีสาระสำคัญมาก ไม่อาจปล่อยให้ลดลงไปเรื่อยๆ อาจสวนทางกับผู้รักหนังสือเล่มที่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ และไม่มีการแก้ไข ต้องไปดูว่าการเติบโตของหนังสือ และ Audio Book จะสามารถทดแทนสิ่งที่หายไปจาก eBook ได้หรือไม่
.
สิบกว่าปีที่คนอ่านเริ่มปรับตัวกับวิธีการ และการเลือกซื้อหนังสือ ณ วันนี้บอกได้ว่า ebook เป็นโอกาสและอุตสาหกรรมหนังสือได้เรียนรู้ความสำคัญของเทคโนโลยีโดยไม่ได้มองข้าม และปล่อยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างอุตสาหกรรมดนตรี การเร่งพัฒนาศักยภาพของหนังสือเล่มขึ้นมา การสร้าง value proposition ของหนังสือเล่มทำให้สามารถรักษาสัดส่วนการขาย และกลับมาเติบโต โดยที่มีโบนัสจากการขาย ebook และ audio book ได้
.
จากนี้ไปเราอาจเห็นความแข็งแรงของตลาดหนังสือเล่มที่กลับมาอีกครั้ง แต่เป็นทิศทางภายใต้แนวคิดที่การพัฒนาศักยภาพหนังสือเล่มจะยังต้องมีอยู่ต่อไป ศักยภาพที่ว่าคือการที่เราสามารถดึงเอาลักษณะของสิ่งประดิษฐ์ชั้นเอกของโลกอย่างกระดาษออกมาสร้างสรรค์ให้ฉีกแนวในสิ่งที่เทคโนโลยียังต้องใช้เวลาในการทำให้ดีกว่า งานเขียน และทิศทางของอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ที่ชัดเจน และวัฒนธรรมการอ่านที่แข็งแรง ในขณะเดียวกันการเติบโตของ Audio Book และการเข้าไปพยุง eBook ในการรักษาสัดส่วนรายได้ไม่ถดถอยไปอีกจึงเป็นสิ่งเร่งด่วน ทั้งนี้เพื่อให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมหนังสือมีการเติบโตต่อไป
.
ผมคิดว่าจะรักหรือชังก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า "Printed Book + eBook + Audio Book = Total Books Industry" ถ้าหาวิธีนำมาใช้ให้ดีเราอาจได้วัฒนธรรมการอ่านที่แข็งแรงขึ้นผ่าน co-existing ของเครื่องมือทั้งสามนี้ และอาจเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถมองไปถึงอนาคตของหนังสือในมิติที่มีคำจำกัดความรวมคือการผสมผสานของสามสิ่งนี้แทนที่จะแยกออกจากกัน ผมเชื่อว่าการได้ไปต่อของสำนักพิมพ์คือการผสมผสานสื่อทั้งสามนี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถูกจังหวะตามบริบททางด้านภูมิศาสตร์นั้นๆ การเข้าเร็วไปอาจหมายถึงงบประมาณที่ต้องใช้ไปอย่างได้ผลน้อย การเข้าช้าไปอาจส่งผลถึงความพยายามที่ต้องใส่เข้าไปมากขึ้นพร้อมกับทรัพยากรด้านการลงทุนที่ต้องเพิ่มมากขึ้น