กลิ่นเย็นของหมอก เหมย และลมหนาวยามเช้าในวันใหม่ของปีใหม่ที่คุณสูดเข้าไปลึกแบบเต็มปอดอาจทำให้คุณคิดเชื่อว่า A New Beginning Has Arrived แล้วจริง ๆ สินะ...เสียงพลุและสีสันของการเล่นกับไฟบนท้องฟ้าในค่ำคืนที่ผ่านมามันได้เกิดขึ้นและมันทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนานไปชั่วขณะ แต่แล้วมันก็จบลงและผ่านไปเสมือนกับเรื่องไหน ๆ ในชีวิตของคนเรา เหมือนกับปฏิทินฉบับเก่าของปี 2020 ที่คุณตั้งใจไว้ว่าจะหยิบลงจากฝาผนังไปใส่กล่องสะสม และนำเอาฉบับใหม่ของปีนี้ 2021 ที่คุณได้มาจากชุมชนสร้างสรรค์งานฝีมือขึ้นไปติดแทน


บางคนอาจชื่นชอบการเริ่มต้นแต่ละวันโดยการเพิ่มสารอะดรีนาลีนให้ร่างกายผ่านการวิ่งเหยาะ ๆ หรือพาน้องหมาออกไปเดินเล่น บางคนเลือกการนั่งสมาธิเรียกสติและความสงบให้กับตัวเอง เพื่อพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันให้ได้ดีที่สุด หรือบางคนไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากอุ้มร่างของตัวเองออกจากเตียง หากว่าเขายังไม่ได้ทำสิ่งนี้ 

“I need my coffee, I often said, and I need my morning reading before I can talk.” (Yiyun Li, Where Reasons End)


What today holds? คือสิ่งที่คุณจดลงต่อจาก Jan 1, 2021 ในสมุดเล่มใหม่ที่คุณเพิ่งซื้อมา เพราะคุณตั้งเป้าหมายไว้ว่า ในเมื่อปีที่เพิ่งผ่านไปการมองเห็นความสุขเล็ก ๆ มันดูทำยากกว่าปกติ ปีใหม่นี้คุณอยากลองพยายามมองหาความสุขไซส์มินิที่ซ่อนอยู่ในทั้งความมืดและความสว่างให้มากขึ้น ซึ่งการจดบันทึกสิ่งที่คุณเห็นลงไปน่าจะช่วยให้คุณมีแหล่งอ้างอิงเวลาที่เพื่อน ๆ ของคุณเริ่มบ่นว่าปีนี้ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลยตอนพวกเขาเครียด หรือตอนที่คุณรู้สึกท้อแต่อยากให้คนที่ให้กำลังใจคุณคนแรกเป็นตัวเอง


คุณจดต่อว่า Honestly, no one knows what today or tomorrow holds, which is frustrating. But we could count that as the very first challenge of the year. And there might be too variable goals and expectations we set for ourself. คล้ายกับว่า 


“I saw my life branching out before me like the green fig-tree in the story; I saw myself sitting in the crotch of this fig-tree, starving to death, just because I couldn’t make up my mind which of the figs I would choose. I wanted each and every one of them, but choosing one meant losing all the rest, and as I sat there, unable to decide, the figs began to wrinkle and go black, and one by one, they plopped to the ground at my feet.” (Sylvia Plath, The Bell Jar)


บทความวรรคนี้จากหนังสือนิยายโมเดิร์นคลาสสิกเรื่อง The Bell Jar ของนักเขียนหญิงอเมริกันอย่าง Sylvia Plath ถูกเขียนให้สื่อถึงความรู้สึกที่อัดอั้น ลึก ซับซ้อนแต่สัมผัสได้ เพราะสิ่งนี้แน่นอนว่าต้องเคยเกิดขึ้นในจิตใจของมนุษย์ไม่หนึ่งก็ถึงสองครั้ง (หรือมากจนนับไม่ถ้วน) มันเป็นความรู้สึกของการไม่มั่นใจว่าจะเลี้ยวเข็มทิศชีวิตของตัวเองไปทางไหนต่อ ในเมื่อปัจจัยที่ทำให้เราขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้มีเพียงปัจจัยที่เราเป็นคนควบคุมเพียงเท่านั้น


เสียงเงียบของช่วงเช้าและบทเพลงจากนกน้อยหลายสายพันธุ์ช่างแตกต่างจากเสียงกระแสข่าวและสังคมเกี่ยวกับสถานการณ์ในบ้านเมืองซะเหลือเกิน Being optimistic but not naive is necessary during this tough time. เพราะหากขาดความเชื่อและความหวังว่า Better Days Are On Their Way เรี่ยวแรงที่จะกัดฟันสู้กับบททดสอบและอุปสรรคที่ประดังเข้ามาตรงหน้า ก็อาจปลิวผ่านไปกับสายลมหรือละลายหายไปเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องมา ดังนั้นสิ่งที่เราทุกคนทำได้คือ Embrace chaos before time leave 


เพราะถ้าเรามัวแต่คิดวนไปวนมาว่าเมื่อไรสิ่งแย่ ๆ จะหายไป เรานี่แหละที่จะป็นคนรดน้ำให้เมล็ดความทุกข์และความเกลียดชังในตัวเองเอง แทนที่เราจะหันมาดูแลปลูกต้นความรัก ความเมตตาและความเข้าใจให้เจริญเติบโตดีกว่า


“to hate

is an easy lazy thing

but to love takes strength 

everyone has

but not all are 

willing to practice”


— rupi kaur


บางทีคุณอาจลองเริ่มจากการฝึกรัก The changing shades of the sky. It changes from midnight blue to lighter baby blue. Then it mixes with a tint of marigold before the milky clouds join all others. Turn the sky we live under to an endless ocean of wonder.

...ลองลองดูนะ



เรื่อง : Princess
ภาพประกอบ : Serm