Book # 3 Happiness 

(Essential Mindfulness Practice)

by Thich Nhat Hanh


ทุกครั้งที่เรานึกถึงหนังสือเล่มนี้ เรามักจะมีความทรงจำที่ว่า “เพราะหนังสือเล่มนี้เเท้ ๆ ที่ช่วยให้เรารอดจากการใช้ชีวิตตัวคนเดียวในสหรัฐอเมริกาตอนที่เรายังอายุได้เเค่ 16 ปี” เนื้อหาของ Happiness (Essential Mindfulness Practice ) by Thich Nhat Hanh เป็นตัวช่วยที่ดึงให้เรากลับมาใส่ใจกับหัวใจสำคัญของการดำรงชีวิตในเเต่ละวัน นั่นก็คือ Mindfulness หรือสติที่เป็น “The source of Happiness (ปัจจัยที่นำไปสู่ความสุข) มันช่วยให้เราเห็นคุณค่าที่เเท้จริงของเวลาปัจจุบันและเเนะเเนวให้เราหันมามองผู้คน วัฒนธรรมและโลกของเราในมุมมองที่เปิดกว้างมากขึ้น


“Mindfulness is the energy of being aware and awake to the present.

 It is the continuous practice of touching life deeply in every moment.”


“สติ คือ พลังของการตื่นรู้ต่อปัจจุบันขณะ 

มันคือการฝึกฝนการสัมผัสทุกช่วงของชีวิตอย่างลึกซึ้ง”


ในช่วงแรกหลังจากที่เดินทางไปถึงต่างเเดนใหม่ ๆ ภาพของสิ่งที่เราวาดไว้ในหัวนั้นเเตกต่างกับความเป็นจริงที่ปรากฏ ณ ขณะนั้นอย่างน่าตกใจ จนมันทำให้เรารู้สึก...โกรธ เราจำได้ว่าเราโกรธเเต่ก็ไม่รู้ว่าโกรธอะไรกันเเน่ เรารู้เเต่ว่าไม่ว่าเราจะคิดหรือทำอะไร มันจะมีความรู้สึกที่กวนใจอยู่เสมอ เรารู้สึกแบบนี้อยู่สักพักจนวันหนึ่งเราคิดกับตัวเองว่า “ถ้าปล่อยให้เป็นเเบบนี้ต่อไป ประสบการณ์ที่ดีที่กำลังรอเราอยู่ในอนาคตนั้นจะสูญเปล่าเเน่ ดังนั้นเราต้องแก้ไขอะไรสักอย่างกับตัวเอง”


“เมื่อใจนั้นว้าวุ่นกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้คาดหวังสงบลง 

ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวก็เริ่มเผยความงดงามของตัวเองออกมา”


เหตุผลที่เราตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือเรื่อง Happiness (Essential Mindfulness Practice ) by Thich Nhat Hanh เล่มนี้มานั้น ได้เเก่

  1. ชื่อเรื่องที่นำเสนอถึงหัวข้อ Happiness หรือความสุข 

  2. ประโยคจากเนื้อหาบทนำของหนังสือที่เราเชื่อมโยงกับตัวเองได้: “We often become so busy that we forget what we’re doing or who we are. I know many people who say that they even forget to breathe.” Forget to breathe! ลืมว่าตัวเองกำลังหายใจอยู่! ใช่เเล้ว ตอนนั้น ในความคิดเรา เรารู้สึกว่าเราเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่ขาดสติตื่นรู้เเม้กระทั่งกับลมหายใจของตัวเอง


Happiness (Essential Mindfulness Practice) ประกอบไปด้วยแบบฝึกความตื่นรู้ สติ และสมาธิทั้งหมด 6 หัวข้อหลักด้วยกัน นั่นก็คือ Daily practices (การฝึกประจำวัน), Eating Practices (การฝึกการกิน), Physical practices (การฝึกทางกายภาพ), Relationship and community practices (การฝึกที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์และชุมชน) Extended practices (การฝึกอื่น ๆ ), และ Practicing with children (การฝึกร่วมกับเด็ก) โดยการฝึกทั้งหมดจะมีหัวข้อย่อยที่น่าสนใจอีกเยอะเเยะมากมายที่ถูกนำเสนอด้วย practice poem (กลอนที่เอาไว้นึกถึงเวลาฝึก) คำบรรยายถึงสิ่งสวยงามเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่รอบตัวเราและคำอธิบายถึงประโยชน์ของการฝึก โดยในคอลัมน์นี้เราจะขอยกตัวอย่างมาเพียง 2 หัวข้อย่อยเท่านั้นเพื่อขยายความคร่าว ๆ ว่าเนื้อหาและเเนวทางการฝึกฝน Mindfulness ในรูปแบบต่าง ๆ ในหนังสือเล่มนี้นั้นเป็นประมาณไหน

...

Daily practices (การฝึกประจำวัน) 

Conscious Breathing

คือ พื้นฐานของการฝึกความตื่นรู้ประเภทอื่น ๆ โดยการดึงความสนใจมาที่ลมหายใจเข้าเเละลมหายใจออกของตัวเอง มันคือกุญเเจสำคัญของการเอาตัวเเละจิตใจของเราให้กลับมาอยู่ในที่เดียวกัน


ตัวอย่าง Practice poem

Breathing in, I know I’m breathing in.

Breathing out, I know I’m breathing out.


Breathing in, I smile to my in-breath.

Breathing in, I smile to my out-breath.


ประโยชน์

“When you practice breathing like this, it puts you in touch with all these wonders of life.” เมื่อคุณฝึกการหายใจอย่างมีสติ มันจะช่วยให้คุณได้สัมผัสเเละใกล้ชิดกับสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ของชีวิตมากขึ้น (ในที่นี้ผู้เขียนหมายถึงธรรมชาติรอบตัวเรา)


“Whenever you feel carried away, sunk in deep emotion, or caught in thoughts about the past or the future, we can return to our breathing to collect and anchor our mind.” เเละเมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกจมดิ่งอยู่กับอารมณ์หรือหมกมุ่นอยู่กับความคิดเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคต เราก็สามารถกลับมาที่การฝึกลมหายใจเพื่อตั้งสติกับตัวเอง


Relationship and community practices

Taking Care of Anger and other Strong Emotions

ในบทนี้ นักเขียนได้พูดไว้อยู่เเล้วว่าการรู้สึกโกรธหรือเศร้านั้นมันเป็นเรื่องปกติ เเท้ที่จริงเเล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราเองด้วยซ้ำ ดังนั้น หากเราเลือกใช้คำว่า เราอยาก “เอาชนะ” อารมณ์พวกนี้ เท่ากับว่าเรากำลังต่อต้านตัวเองอยู่ “Because your anger, your disappointment, is part of you, don’t fight against it or oppress it.” โดยนักเขียนได้มีการเปรียบเทียบอารมณ์โกรธเสมือนพายุที่สามารถสร้างความเสียหายได้ สิ่งที่เราควรทำก็คือ “figure out a way to protect ourselves, to create a safe environment, and to wait out the storm.”


การฝึกอยู่กับอารมณ์ของตัวเอง Practice: being with anger

สิ่งเเรกที่เราควรทำเมื่อมีอารมณ์โกรธหรืออารมณ์อะไรก็ตามที่ทำให้เราไม่สบายใจ คือ “...withdraw your attention from the person or the situation that is watering the seed of anger in you.” เราควรย้ายความสนใจของตัวเองจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเเล้วกลับไปตั้งสมาธิที่ลมหายใจอีกครั้ง แล้วเราก็สามารถเลือกใช้ Practice poem นี้ได้


ตัวอย่าง Practice poem

Breathing in, I know that anger is in me.

Breathing out, I know this feeling is unpleasant.

เมื่อเราเริ่มสงบลง เราก็สามารถกลับมามองลึกลงไปที่สาเหตุของอารมณ์ที่เกิดขึ้นเเละทำความเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เดี๋ยวมันก็ผ่านไป “...because things are impermanent.”

...

นี่เป็นเพียงเเค่ 2 หัวข้อที่เรานำมาเเบ่งปันเเก่ทุกคนเพื่อเป็นตัวอย่างว่าตอนที่เราอ่านหนังสือเล่มนี้มันมีวิธีการปฏิบัติตามสำหรับการฝึกสมาธิในด้านต่าง ๆ อย่างไรบ้าง ตัวเรายังจำได้ถึงตอนที่เราฝึก Walking Meditation ในช่วงเช้าที่หนาวเย็นตรงสวนหน้าบ้านก่อนไปโรงเรียน หรือ Mindful Eating ตอนกินอาหารเเต่ละมื้ออย่างมีสติ หรือตอนที่เราเรียนรู้ว่า “Being in solitude does not mean being lonely.” การอยู่ในความสันโดษไม่ได้หมายความว่าเราต้องเหงา


ในความเห็นของเรา การได้ค้นพบหนังสือเรื่อง Happiness (Essential Mindfulness Practice ) by Thich Nhat Hanh นั้นมันได้สร้างประโยชน์ให้เราอย่างมาก เพราะถ้าให้พูดด้วยความจริงใจ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้สึกถึงความสงบในจิตใจหรือ a peace of mind ได้อย่างลึกซึ้งมากเท่าตอนที่เรากำลังฝึกฝนอยู่จนมาถึงปัจจุบันเลย ภายในหนังสือยังมีอีกหลายหัวข้อมาก ๆ ที่เราทุกคนสามารถใช้เป็นเเนวทางในการพัฒนาสมาธิเเละสติในการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง 


“All these practices have the same basic purpose: to bring our minds back to our bodies, to produce our true presence, and to become fully alive

 so that everything happens in the light of mindfulness.” 


การที่เรากลับมาพัฒนาสติและสมาธิของตัวเองมันทำให้เราหันมามองโลกตามความเป็นจริงว่าทุกอย่างไม่สามารถเป็นไปตามที่เราคาดหวังได้ เเต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือ การเรียนรู้ที่จะยอมรับและปรับตัวให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด ดังนั้น ใครก็แล้วเเต่ที่ยังนั่งนึกถึงความสงบ ความสุขที่เกิดขึ้นได้จากภายในตัวของเราเอง เราขอเเนะนำให้หยิบหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาเปิดไปที่หน้าเเรก อ่านไปยังไม่ถึงหน้าสุดท้าย เราก็สามารถบอกได้แล้วว่า better change is already waiting for you !


Thank You for Your Time, My Kindest Readers 



เรื่อง : Princess

ภาพประกอบ : Serm