Chillax Corner เป็นร้านกาแฟเล็กๆที่ตั้งอยู่ภายใน ร้าน The Booksmith & Co. ของเรา แนวคิด Green & Clean ถือกำเนิดขึ้นจากการที่เจ้าของร้านChillax Cornerได้เห็นว่าพวกเราชาวเชียงใหม่ทุกคนกำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง ที่มีแนวโน้มที่ดูจะไม่ลดลงเอาเสียเลย
ซึ่งหากถามว่าฝุ่นละอองเหล่านี้มาจากไหน ? สาเหตุหลักนั้นมาจากการถางบุกรุกป่า และ จุดไฟเผาพืชไร่ หลังการเก็บเกี่ยวในหน้าแล้งเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (*ข้อมูลเพิ่มเติมตรงหมายเหตุ)
________________________________________________________________
- เนื่องด้วย The Chillax Corner ต้องการที่จะสร้างพื้นที่ SAFE ZONE ให้กับลูกค้า จึงมีการกำหนดconcept พื้นฐานของร้าน ว่าจะต้อง "Green & Clean"

"Green & Clean" ในที่นี่หมายถึง การเน้นการสร้างพื้นที่พักผ่อนที่รู้สึกสบายและผ่อนคลายในบรรยากาศธรรมชาติ เรามองว่า "ธรรมชาติ" ใน concept นี้หมายถึง ต้องมี ”ต้นไม้" และบรรยากาศที่ร้านจะต้องมีความเป็นธรรมชาติ
อีกทั้ง ต้นไม้ที่ร้านก็จะช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์และช่วยดูดซับมลพิษในอากาศอีกด้วย จึงเป็นที่มาของการนิยามคำว่า "Clean" เพิ่มเข้ามาในconcept ของร้าน
________________________________________________________________
คำว่า "Clean" ต้องมาพร้อมกับอากาศที่บริสุทธิ์
- เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ทันทีที่เข้ามาในร้าน Chillax Corner จึงได้นำเครื่องฟอกอากาศเข้ามาติดตั้งภายในร้าน

“เราอยากเป็นมากกว่ามุมกาแฟ...แต่เราอยากเป็นมุมที่มอบความปลอดภัยทางการหายใจให้กับลูกค้าด้วย เรามองว่า "Air fresh zone" คือพื้นที่ จะทำให้ลูกค้าที่เข้ามาสามารถสูดหายใจรับอากาศที่สดชื่นได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลใจถึงมลพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนั้นยังผ่อนคลายไปกับการดื่มกาแฟ organic และเบเกอรี่รสนุ่มนวลของร้านได้อีกด้วย”
________________________________________________________________
Conceptการตกแต่งร้านที่เน้นความเป็นธรรมชาติ
- ไม้ที่เข้ากับเแสงไฟอบอุ่นของร้าน และ ต้นเฟิร์นลอยฟ้า ถือเป็นสองเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของChillax Corner
“ไม้”
เมื่อถามถึงการเลือกใช้ไม้มาเป็น main ในการตกแต่งร้าน คุณโบ้ต เจ้าของร้าน Chillax Corner ได้อธิบายว่า“ปกติไม้แต่ละต้นจะมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งสีของไม้ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งกระด้าง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาคือเสน่ห์ของงานไม้ครับ”

และด้วยจุดประสงค์หลักที่ต้องการให้ลูกค้าไม่เพียงแต่ซื้อหนังสือ หรือ กาแฟกลับบ้าน แต่ต้องการให้ลูกค้าเลือกที่จะมานั่งอ่านหนังสือที่ตัวเองสนใจอ่าน พร้อมไปกับการ นั่งดื่มเครื่องดื่มแก้วโปรด ไม่ว่าจะเป็นคาปูชิโน่ร้อน หรือ น้ำส้มคันสดเย็นชื่นใจก็ตาม ทางร้านจึงเลือกที่จะออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในร้านที่เน้นความสบาย ทั้งโต๊ะสูงยาวที่สามารถมานั่งทำงานกับเพื่อนๆได้ หรือ หรือ เก้าอี้ที่ออกแบบที่นั่งมาให้ใหญ่และโค้งรับได้กับทุกคน
“ต้นเฟิร์นลอยฟ้า”
ร้านเลือกใช้ต้นเฟิร์นเพราะเป็นต้นไม้ที่อยู่ในที่ร่มได้ ทนทาน และดูแลง่าย ซึ่งทางร้านเลือกที่จะเล่นกับมันด้วยการแขวนในสูง เพราะลักษณะของกิ่งใบที่ห้อยย้อยลงมา จะช่วยทำให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ได้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

________________________________________________________________หากคุณลูกค้ากำลังมองหา มุมที่สามารถนั่งทำงาน หรือ จิบกาแฟโดยปราศจากฝุ่นควันแล้วนั้น เราขอแนะนำให้ลองมาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ที่ร้าน Chillax Corner by The Booksmith รับประกันว่า เป็นพื้นที่ Safe Zone สำหรับทุกคนอย่างแน่นอนค่ะ
The Booksmith & Co.
________________________________________________________________
*หมายเหตุ
ถามว่าทำไมต้องเป็นข้าวโพด?
- ปลูกง่าย: ข้าวโพดเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย เหมาะกับการปลูกในพื้นราบ และบนดอย
- ความต้องการของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในประเทศสูงมาก: เนื่องด้วย จำนวนประชากรสูงขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการทางการบริโภคเนื้อสัตว์ก็มีมีปริมาณสูงมากขึ้น ทำให้ความต้องการวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์จึงสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งในประเทศไทย ความต้องการข้าวโพดมากถึง 8 ล้านตัน แต่ผลิตได้เพียง 5 ล้านตันเท่านั้น ซึ่งนี่หมายความว่าผลผลิตที่ก่อให้เกิดหมอกควันขนาดนี้ ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศเลยด้วยซ้ำ
- การตลาดของธุรกิจ เมล็ดพันธุ์: นอกจากบริษัทเกษตรยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะอยู่ในวงการผลิตเนื้อสัตว์แล้ว พวกเขายังอยู่ในวงการเมล็ดพันธุ์อีกด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่ายิ่งเกษตรกรต้องการปลูกข้าวโพดมากเท่าใด เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดก็ยิ่งขายได้เท่านั่น และ รายได้จากการขายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดก็ยิ่งสูงขึ้นไปด้วย
- นโยบายรัฐที่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดอย่างกว้างขวาง: นโยบายของรัฐบาลหลายยุคที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ได้สนับสนุนพืชเศรษฐกิจสำคัญสี่ชนิด คือ อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ตามคำแนะนำของสภาหอการค้าไทย (ซึ่งเมื่อเปิดดูทำเนียบกรรมการสภาหอการค้าไทย จะเห็นว่ามีรายชื่อตัวแทนของบริษัทเกษตรกรรมยักษ์ใหญ่ และโรงงานน้ำตาลเป็นกรรมการต่อเนื่องมาอย่างยาวนานแล้ว) นอกจากนี้ ไม่เพียงแค่เฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่รัฐบาลในอดีตยังส่งเสริมให้บริษัทเหล่านี้ไปปลูกข้าวโพดประเทศเพื่อนบ้านด้วย ทำให้ ในช่วงหน้าแล้งจึงมีควันไฟจากประเทศเพื่อนบ้านจากกิจกรรมเแบบเดียวกันกับเกษตรกรบนดอยของเราเข้ามาปกคลุมพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศด้วย
ดังนั้นหากสงสัยว่าเมื่อไหร่ควันจะหายไป หรือ เราจะมีมาตรการแก้ใขที่จะช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนได้อย่างไรนั้น บอกได้เพียงคำเดียวว่า ยังคงยาก และ เราคงจะต้องแก้ใขเบื่องต้นด้วยตัวเราเอง
อ้างอิงจากบทความของคุณ VANCHAITAN